คู่มือสำหรับมือใหม่ Bitget: วิธีหลีกเลี่ยง Liquidation (การบังคับขาย) ในการเทรด Futures
Liquidation (การบังคับขาย) ใน Futures คืออะไร
Liquidation (การบังคับขาย) จะเกิดขึ้นเมื่อ Margin ในบัญชี Futures ของคุณไม่เพียงพอที่จะครอบคลุมการขาดทุนในการเทรด Futures อีกต่อไป และเพื่อป้องกันการขาดทุนเพิ่มเติม แพลตฟอร์มจะบังคับปิด Position ซึ่งอาจส่งผลให้ยอดคงเหลือในบัญชีของคุณลดลงเป็น 0 ได้ โดยทั่วไปแล้วจะเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดมีความผันผวนสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการใช้เลเวอเรจที่มากเกินไปหรือมีการจัดการความเสี่ยงที่ไม่ดี
ตัวอย่าง:
ผู้ใช้ A มีเงินทุน $10,000 และเปิด Long Position 10x ใน Bitcoin (เทียบเท่ากับการซื้อ BTC มูลค่า $100,000) ราคา Bitcoin: $30,000
กระบวนการ Liquidation:
1. Bitcoin ร่วงลงมาเหลือ $27,000 (ลดลง 10%)
2. ด้วยเลเวอเรจ 10x การขาดทุนของผู้ใช้ A ถึง 100% ของเงินทุน ($100,000 × 10% = $10,000)
3. แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนจะ Liquidate (บังคับขาย) Position — เงินทุน $10,000 ของผู้ใช้ A หมดเกลี้ยง
4. หากราคายังคงลดลงต่อไป แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนอาจสูญเสียบางส่วนของ $90,000 ที่ให้กู้ยืมไป (การขาดแคลนหลักประกัน)
เหตุใด Liquidation (การบังคับขาย) จึงเกิดขึ้นบ่อยในการเทรด Futures
เหตุผลหลักคือการแกว่งตัวของราคาที่ไม่คาดคิดซึ่งส่งผลให้ Margin ของคุณลดลงไปอยู่ต่ำกว่าระดับที่กำหนด จนทริกเกอร์ Liquidation (การบังคับขาย) เลเวอเรจไม่เพียงแต่ขยายผลกำไรที่อาจได้รับเท่านั้น แต่ยังขยายการขาดทุนที่อาจเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน แม้แต่ความเปลี่ยนแปลที่ไม่พึงประสงค์เพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้เงินทุนของคุณหมดได้อย่างรวดเร็ว จนนำไปสู่ Liquidation (การบังคับขาย) ได้ โดยสาเหตุทั่วไปของ Liquidation (การบังคับขาย) มีดังนี้
1. การใช้เลเวอเรจที่สูงเกินไป
○ ตัวอย่าง: คุณซื้อ BTC ด้วยเลเวอเรจ 10x โดยใช้ 10% ของเงินลงทุนทั้งหมดเป็น Margin ทำให้ราคาที่ลดลง 10% นำไปสู่ Liquidation (การบังคับขาย) ในทันที
○ ปัญหา: การใช้เลเวอเรจที่สูงทำให้มีช่องว่างให้ราคาผันผวนได้น้อยมาก — แม้แต่ความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยก็สามารถทริกเกอร์ Liquidation (การบังคับขาย) ได้
2. การไม่ตั้งค่า Stop Loss
○ ตัวอย่าง: คุณเปิด Long ใน ETH และราคาเริ่มลดลง แต่คุณไม่ได้ตั้ง Stop Loss เอาไว้ ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องและ Margin ของคุณก็หมดลง ทำให้เกิด Liquidation (การบังคับขาย)
○ ปัญหา: ตลาดไม่ได้รีบาวด์เสมอไป การหวังให้รีบาวด์อย่างงมงายอาจนำไปสู่ความสูญเสียที่ไม่อาจควบคุมได้
3. การเพิ่ม Position ด้วย Unrealized Gain
○ ตัวอย่าง: BTC เพิ่มขึ้นจาก $50,000 เป็น $60,000 และคุณก็ยังคงเพิ่ม Long Position ของคุณต่อไปเรื่อยๆ เมื่อราคาถอยกลับมาที่ $58,000 และ Margin ของคุณใกล้จะหมดลง ก็จะทริกเกอร์ Liquidation (การบังคับขาย)
○ ปัญหา: การเพิ่ม Position โดยอิงจากกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงก็จะเป็นการทำให้ราคา Liquidation ของคุณเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน
วิธีหลีกเลี่ยง Liquidation
การป้องกัน Liquidation (การบังคับขาย) จำเป็นต้องใช้กลยุทธ์การเทรดที่ชาญฉลาดและการจัดการความเสี่ยงที่แข็งแกร่ง โดยมีเคล็ดลับที่ใช้จริงได้ดังนี้
1. ควบคุมเลเวอเรจ
ความเสี่ยงที่จะเกิด Liquidation (การบังคับขาย) นั้นเพิ่มขึ้นโดยตรงตามเลเวอเรจ เลเวอเรจยิ่งสูง โอกาสที่จะเกิด Liquidation (การบังคับขาย) ก็ยิ่งมาก
• ตัวอย่าง: ด้วยเงินต้น $10,000 และเลเวอเรจ 5x (20% ของเงินลงทุนทั้งหมดเป็น Margin) คุณจะเปิด Long Position ใน BTC ที่มูลค่า $50,000
○ หาก Bitcoin เพิ่มขึ้น 20% กำไรก็จะเท่ากับ 100% ($10,000)
○ หากราคาลดลง 20% ก็จะทำให้สูญเสียเงินต้นทั้งหมด และการลดลงต่อไปก็จะทริกเกอร์ Liquidation (การบังคับขาย)
• คำแนะนำ: มือใหม่ควรใช้เลเวอเรจที่ต่ำ รักษาระดับ Margin ของคุณไว้ที่ 10% ขึ้นไป เพื่อให้ราคามีโอกาสเคลื่อนไหวได้มากขึ้น
2. ตั้งค่า Stop Loss
ในตลาดที่ผันผวน แม้แต่การใช้เลเวอเรจที่ต่ำก็อาจส่งผลให้เกิด Liquidation (การบังคับขาย) ได้ Stop Loss จึงถือเป็นกุญแจสำคัญในการจัดการความเสี่ยง
• วัตถุประสงค์: Stop Loss จะปิด Position โดยอัตโนมัติเพื่อจำกัดการขาดทุน ตัวอย่าง:
○ คุณซื้อ BTC ที่ $10,000 และตั้ง Stop Loss ที่ $8,000 — หากราคาลดลง 20% ก็จะทริกเกอร์ Order ขาย
• หมายเหตุ: การกำหนดค่า Stop Loss ไม่สามารถช่วยหลีกเลี่ยง Liquidation (การบังคับขาย) ได้ทั้งหมด (โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีที่ราคาร่วงลดอย่างรุนแรงและมี Slippage) แต่ก็ยังช่วยลดความเสี่ยงได้อย่างมาก
• เคล็ดลับ: โปรดคำนวณการขาดทุนสูงสุดที่คุณสามารถรับได้ทุกครั้งก่อนเปิด Position และยึดตามนั้น
สรุป: เลเวอเรจต่ำ + Stop Loss ที่เข้มงวด = กลยุทธ์หลักในการหลีกเลี่ยง Liquidation (การบังคับขาย)
วิธีการจัดการสินทรัพย์
การจัดการสินทรัพย์เป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในการปรับขนาด Position เพื่อลดความเสี่ยง ในขณะเดียวกันก็เพิ่มศักยภาพในการเติบโตของบัญชีเทรดให้สูงสุด การจัดการสินทรัพย์ที่ดีถือเป็นกุญแจสำคัญในการป้องกันการเกิด Liquidation (การบังคับขาย) โดยมีคำแนะนำบางประการดังนี้
• การจัดสรรความเสี่ยง: ความเสี่ยงของธุรกรรมแต่ละรายการควรได้รับการควบคุมที่ 5%-10% ของเงินทุนในบัญชี ตัวอย่างเช่น ในบัญชีที่มี 10,000 USDT ความเสี่ยงของธุรกรรมแต่ละรายการก็ต้องไม่เกิน 500-1,000 USDT
• การกระจายความเสี่ยง: หลีกเลี่ยงการลงทุนสินทรัพย์ทั้งหมดของคุณใน Position เดียวเพื่อลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดในครั้งเดียว
• การตรวจสอบเป็นประจำ: วิเคราะห์ประวัติการเทรดของคุณเป็นประจำเพื่อปรับแต่งการใช้เลเวอเรจและขนาด Position ของคุณ
ตัวอย่าง:
ผู้ใช้ B มี $20,000 ในบัญชีและแบ่งเงินทุนออกเป็น 4 ส่วน ส่วนละ $5,000 เป็น BTC, ETH และสินทรัพย์อื่นๆ แม้ว่า BTC Position จะถูก Liquidate (บังคับขาย) แต่เงินทุนอีก 75% ก็จะยังคงไม่ได้รับผลกระทบและพร้อมสำหรับใช้เทรดในอนาคต