หลักประกัน

โดยพื้นฐานแล้ว หลักประกันคือสินทรัพย์ที่ผู้กู้ยืมฝากไว้กับผู้ให้กู้ยืมเพื่อเป็นหลักประกันในการกู้ยืม สินทรัพย์นี้ทำหน้าที่เป็นหลักประกันสำหรับผู้ให้กู้ยืม เพื่อให้มั่นใจว่าพวกเขาสามารถชดใช้การขาดทุนได้หากผู้ยืมไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ได้ ในโลกการเงินแบบดั้งเดิม หลักประกันมักจะอยู่ในรูปแบบของทรัพย์สิน ยานพาหนะ หรือสิ่งของมีค่าอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่คริปโทเคอร์เรนซี หลักประกันยังอาจรวมถึงสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น Bitcoin, Ethereum และโทเค็นอื่นๆ อีกมากมาย

เมื่อผู้กู้ยืมมาขอเงินกู้ก็สามารถเสนอหลักประกันเพื่อลดความเสี่ยงของผู้ให้กู้ได้ ตัวอย่างเช่น ในการจำนอง บ้านที่ซื้อจะทำหน้าที่เป็นหลักประกัน หากผู้กู้ยืมผิดนัดชำระหนี้ ผู้ให้กู้ยืมสามารถยึดบ้านเพื่อชดเชยเงินดังกล่าวได้ แนวคิดนี้สะท้อนให้เห็นในอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งสินทรัพย์ดิจิทัลสามารถใช้เป็นหลักประกันในการกู้ยืมสินทรัพย์ได้ สิ่งนี้ทำให้แน่ใจได้ว่าแม้ว่าผู้ยืมจะผิดนัดชำระหนี้ ผู้ให้กู้ก็มีตัวเลือกสำรองในรูปแบบของคริปโทเคอร์เรนซีที่ Pledge ไว้

หลักประกันมีได้หลายรูปแบบ ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม ประเภททั่วไป ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ (หลักประกันการจำนอง) ใบแจ้งหนี้ที่ยังไม่ได้ชำระ (สินเชื่อหมุนเวียนจากลูกหนี้การค้า หรือ Invoice Financing) และสินทรัพย์ในบัญชีการเทรด (หลักประกันการเทรด Margin) ในโลกคริปโต หลักประกันมักประกอบด้วยสินทรัพย์ดิจิทัลต่างๆ ตัวอย่างเช่น ผู้กู้ยืมอาจ Pledge Bitcoin จำนวนหนึ่งเป็นหลักประกันเพื่อรับเงินกู้ในสกุลเงิน Fiat หรือคริปโทเคอร์เรนซีอื่นๆ แนวทางปฏิบัตินี้ช่วยอำนวยความสะดวกในกระบวนการให้กู้ยืมและให้ความมั่นใจแก่ทั้งสองฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

สมมติว่ามีนักลงทุนคริปโทเคอร์เรนซีที่เป็นเจ้าของ 10 Ethereum (ETH) และต้องการเงินกู้ $5,000 สำหรับค่าใช้จ่ายเร่งด่วน แทนที่จะขาย Ethereum ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้น พวกเขาสามารถใช้มันเป็นหลักประกันในการกู้ยืม พวกเขาพบแพลตฟอร์มการให้กู้ยืมคริปโตที่ให้กู้ยืมในอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่า 50% ซึ่งหมายความว่าพวกเขาสามารถยืมได้มากถึง 50% ของมูลค่า Ethereum เมื่อ Ethereum มูลค่า $2,000 ต่อเหรียญ 10 ETH ของพวกเขามีมูลค่า $20,000 ทำให้พวกเขายืมได้สูงสุดถึง $10,000 พวกเขาเลือกที่จะยืม $5,000 โดยวาง 10 ETH ไว้เป็นหลักประกัน หากพวกเขาไม่สามารถชำระคืนเงินกู้ ผู้ให้กู้ยืมสามารถ Liquidate (บังคับขาย) Ethereum เพื่อให้ครอบคลุมจำนวนคงค้างเพื่อสร้างความปลอดภัยให้กับเงินกู้

การใช้หลักประกันมีข้อดีหลายประการ สำหรับผู้กู้ยืม การเสนอหลักประกันมักจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง เนื่องจากความเสี่ยงของผู้ให้กู้ยืมลดลง สำหรับผู้ให้กู้ยืม หลักประกันจะให้การรักษาความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งที่สามารถป้องกันการผิดนัดชำระหนี้ได้ นี่เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในโลกที่ผันผวนของคริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งมูลค่าตลาดสามารถผันผวนอย่างมาก เมื่อมีหลักประกัน ผู้ให้กู้ยืมสามารถบรรเทาความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ และผู้กู้ยืมสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ที่มีเงื่อนไขที่ดีกว่า

เนื่องจากคริปโทเคอร์เรนซีมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง การให้กู้ยืมที่มีหลักประกันจึงกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้น แพลตฟอร์มที่เสนอเงินกู้คริปโตช่วยให้ผู้ใช้สามารถใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ดิจิทัลของตนได้โดยไม่ต้องขาย สิ่งนี้อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผู้ที่เชื่อในมูลค่าระยะยาวของคริปโทเคอร์เรนซีของตนแต่ต้องการสภาพคล่องในทันที ด้วยการ Pledge สินทรัพย์คริปโตเป็นหลักประกัน พวกเขาสามารถกู้ยืมเงินได้ในขณะที่ยังคงความเป็นเจ้าของการลงทุนดิจิทัลของตน

โดยสรุป หลักประกันมีบทบาทสำคัญในการเงินแบบดั้งเดิมและคริปโทเคอร์เรนซีที่กำลังเติบโต ด้วยการทำความเข้าใจวัตถุประสงค์และประโยชน์ของหลักประกัน ผู้เข้าร่วมในตลาดคริปโตจึงสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลมากขึ้นและใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ